ส.ส.บุญยิ่ง และ ผู้บริหาร อบจ.มอบข้าวกล่อง น้ำดื่ม และหน้ากากอนามัย ให้กับประชาชน ชาวอ.ปากท่อ ในกิจกรรม “แบ่งปันน้ำใจให้กัน ปันสุข” เพื่อบรรเทาความเดือดร้อน และลดผลกระทบจากโควิด ซึ่งเป็นเขตติดต่อกับจ.เพชรบุรี

วันที่ 24 พฤษภาคม 2564 ที่บริเวณหน้าองค์การบริหารส่วนตำบลปากท่อ อำเภอปากท่อ จังหวัดราชบุรี นาง บุญยิ่ง นิติกาญจนา ส.ส.ราชบุรี เขต 3นาย วิวัฒน์ นิติกาญจนา นายกอบจ.ราชบุรี ลงพื้นที่มอบข้าวกล่องในกิจกรรมแบ่งปันน้ำใจให้กัน ปันสุข โดยมี นาย สุธีร์ เล้าศศิวัฒนพงศ์ ประธานสภา อบจ.ราชบุรี คณะผู้บริหาร สมาชิกสภา อบจ.ราชบุรี นาย อิทธิกร เล่นวารี นายกเทศมนตรีตำบลปากท่อ นาย อดุลย์ ไชยยศ ปลัด อบต.ปากท่อ และผู้นำพื้นที่ ร่วมกันแจกข้าวกล่อง จำนวนกว่า 600 กล่อง พร้อมกับ น้ำดื่ม และหน้ากากอนามัย ให้กับพี่น้องประชาชน ในอำเภอปากท่อ ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ระลอกใหม่พร้อมทั้งจะแจก ให้กับพี่น้องประชาชนชาวอำเภอปากท่อ

    ทางด้านนางบุญยิ่ง นิติกาญจนา สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดราชบุรี เขต 2  กล่าวถึงการจัดกิจกรรมว่า เนื่องจากขณะนี้ จังหวัดราชบุรี พบผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ระลอกใหม่ สูงเป็นอันดับที่ 9 ของประเทศ ประกอบกับอำเภอปากท่อ เป็นพื้นที่รอยต่อติดกับ อำเภอเขาย้อย จังหวัดเพชรบุรี ซึ่งขณะนี้ มีคลัสเตอร์โรงงานแคลคอมพ์ ที่ตรวจพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 หลายพันคน โดยมีพี่น้องชาวอำเภอปากท่อ และอำเภอวัดเพลง ที่ทำงานที่โรงงานแห่งนี้ และพบว่าติดเชื้อโควิด-19 รวมอยู่ด้วย จังหวัดราชบุรี จึงได้ออกประกาศให้ผู้ที่ทำงาน และผู้สัมผัสใกล้ชิดกับคลัสเตอร์โรงงานนี้ รีบรายงานตัว เพื่อตรวจหาเชื้อ และสวบสวนโรค อย่างเร่งด่วน เพื่อไม่ให้มีการแพร่ระบาดไปในวงกว้าง

  จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ส่งผลให้ประชาชน ได้รับผลกระทบ และความเดือดร้อน เป็นอย่างมาก ตน พร้อมด้วย นายก อบจ.ราชบุรี คณะผู้บริหาร ผู้นำท้องถิ่น และผู้นำพื้นที่ จึงได้ร่วมกันจัดทำข้าวกล่อง และผู้ให้การสนับสนุนวัตถุดิบ น้ำดื่ม และหน้ากากอนามัย มาร่วมแจกพี่น้องประชาชนชาวอำเภอปากท่อ และผู้ที่สัญจรผ่านไปมา ที่บริเวณหน้า อบต.ปากท่อ ตั้งแต่วันที่ 24-28 พฤษภาคม 2564 เว้นวันวิสาขบูชา ซึ่งตรงกับวันที่ 26 พฤษภาคม วันละจำนวน 1000 กล่อง โดยจะมีการปรุงอาหาร และแจกให้ประชาชน ที่บริเวณด้านหน้า อบต.ปากท่อ ในช่วงเวลา 11.00-12.00 น. ของทุกวัน รวมถึงการให้ผู้นำท้องที่ และพี่น้อง อสม. นำข้าวกล่อง และสิ่งของที่ได้รับการสนับสนุน ไปมอบให้กับพี่น้องประชาชน ที่ได้รับความเดือดร้อน ถึงที่อยู่อาศัย เพื่ออำนวยความสะดวก และบรรเทาความเดือดร้อนแก่ประชาชนในเบื้องต้น

อย่างไรก็ตาม ส.ส.บุญยิ่ง พร้อมด้วย นายก อบจ.ราชบุรี ยังฝากถึงผู้นำท้องถิ่น และผู้นำพื้นที่ ในทุกอำเภอ ให้มีการสำรวจ และติดตามว่าพื้นที่ใดเป็นพื้นที่เสี่ยง ที่มีผู้ป่วยติดเชื้อ และผู้สัมผัสเสี่ยงสูง อาศัยอยู่ในพื้นที่ เพื่อจะได้หาแนวทางช่วยเหลือ ป้องกัน และลดผลกระทบให้แก่ผู้ที่ได้รับความเดือดร้อน การรณรงค์ให้พี่น้องประชาชน ทุกคน ลงทะเบียนรับการฉีดวัคซีนป้องกันเชื้อไวรัสโควิด-19เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันให้กับตนเอง และคนในครอบครัว พร้อมทั้ง ยังฝากเชิญชวนประชาชน ผู้มีจิตศรัทธา ร่วมบริจาคข้าวสาร วัตถุดิบ สำหรับปรุงอาหารแจกจ่ายประชาชน หรือ ร่วมนำสิ่งของเครื่องใช้ที่จำเป็น มามอบให้กับประชาชน โดยสามารถร่วมบริจาคได้ที่ อบต.ปากท่อ ซึ่งจะเป็นศูนย์กลาง กระจายสิ่งของเหล่านี้ ไปช่วยเหลือ และ เยียวยา พี่น้องประชาชน ได้อย่างทั่วถึง

  การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคสาชาดำเนินสะดวกเร่งเข้าตรวจสอบเสาไฟฟ้าแรงสูงล้มหักโค่นกว่า 10 ต้นไฟฟ้าดับเป็นวงกว้างส่งทีมเข้าดำเนินการเร่งแก้ใขปัญหา 

( 6 พ.ค. 64 ) ผู้สื่อข่าวรายงานว่านายพัลลภ  โฆสิตาภา  นายกอบต.ดอนกรวย  อ.ดำเนินสะดวก จ.ราชบุรี  นายประวิทย์   ทรัพย์สมบัติ   ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่  3  ต.ตาหลวง ประสานงานนายนกุลต์  รักการไถ  หัวหน้าแผนกก่อสร้างและปฎิบัติการไฟฟ้าสำนักงานการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค สาขาอำเภอดำเนินสะดวก  นำทีมลงพื้นที่ร่วมกันสำรวจเพื่อแก้ใขความเสียหายหลังเกิดพายุหมุนพัดถล่มต้นมะพร้าวและเสาไฟฟ้าแรงสูงหักโค่นจำนวนมากในพื้นที่  ต.ตาหลวง  มีไฟฟ้าแรงสูงจำนวน   5 ต้น เป็นเหตุทำให้ไฟฟ้าดับหลายหมู่บ้านโดยเฉพาะ หมู่ 2 หมู่ 3  ต.ตาหลวง อ.ดำเนินสะดวก  หมู่ที่  1 ต.บางคนฑี   จ.สมุทรสงคราม เสาไฟฟ้าที่หักโค่นล้มขวาง

ถนนเป็นเหตุ ถนนสายโรงเรียนวัดปรกเจริญ- บางคนฑี   รถยนต์ไม่สามารถสัญจรไปมาได้  ในพื้นที่บริเวณริมถนนสายโคกวัด- ดอนมดตะนอย บริเวณ หมู่ที่  6  ต.ดอนกรวย เสาไฟฟ้าแรงสูงหักโค่นจำนวน  6  ต้นทับบ้านเสียหาย  1  หลัง จนทำให้ไฟดับเป็นบริเวณกว้างในพื้นที่และใกล้เคียง  และ ต.สี่หมื่นเสาไฟฟ้าแรงสูงหัก  2  ต้น ทำให้  หมู่ 4  หมู่ที่ 8  ต.สี่หมื่น และหมู่ที่  3  หมู่ที่  4   ต.ท่านัด  ไฟฟ้าดับประชาชนได้รับความเดือดร้อนจำนวนมากปัจจุบัน  ยังไม่สามารถจ่ายกระแสไฟฟ้าได้ โดยทางเจ้าหน้าที่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคสาขาอำเภอดำเนินสะดวกได้ระดมกำลังช่างจำนวน 

7  ทีมเข้ามาเร่งดำเนินการซ่อมแซมเปลี่ยนเสาที่หักโค่น   เพื่อเร่งจ่ายกระแสไฟฟ้าในพื้นที่ให้เร็วที่สุด  และวัดดำเนินสะดวก  หมู่ที่  10  ต.ดำเนินสะดวก  ถูกพายุถล่มเข้าอย่างแรงพัดอาคารและเต็นจำนวน  4  หลังและกระเบื้องหลังคาโบสถ์ปลิวว่อนได้รับความเสียหาย

    ทางด้าน นส.อิงอร  แก้วประดิษฐ์  อายุ 61 ปี  แม่ค้าขายข้าวหลาม หมู่ที่  6 ต.ดอนกรวย  กล่าวว่า  ขณะลมพายุพัดเข้ามากำลังเผาข้าวหลามอยู่สว่างแต่มี  เสียงดังอู้ๆๆๆๆเหมือนหมูร้องเดี๋ยวเดียว     ลมก็มาถึงตั้งตัวกันไม่ติด   มีไฟลุกสว่างบนยอดเสาไฟประมาณ  5  นาทีก็มีเสียงระเบิดเป็นหม้อแปลงระเบิดไฟก็ดับแต่ลมก็ยังมาอยู่ตลอดเวลาแต่ไม่มีฝน  แตเสาไฟฟ้าจึงล้มแต่มีต้นหนึ่งล้มทับบ้านจึงทำให้เสาไฟล้มเพียงแค่นี้  ลมแรงที่พัดอยู่ประมาณ  ครึ่งชัวโมงจึงจะหยุดไม่เคยเจอมาเลยในชีวิต

 
เร่งให้ความช่วยเหลือ พายุฝนถล่มทำหลังคาปลิวว่อน คานไม้และหลังคาบ้าน ได้ถูกแรงลมพัดไปตกไม้หล่มใส่หัว คานไม้และหลังคาบ้านจนทำให้ข้าวของเสียหายจำนวนมาก

 จากกรณี ได้เกิดลมพายุฝนตกลงมาในเขตพื้นที่ อ.เมืองราชบุรี ทำให้บ้านเรือนประชาชนบางส่วนได้รับความเสียหาย โดยเฉพาะในเขตพื้นที่ หมู่ 3 ต.ดอนตะโก มีบ้านเรือนประชาชนได้รับความเสียหายจากพายุฝนและลมกระโชกแรง ทำให้หลังคาบ้านปลิดได้รับความเสียหาย จำนวนกว่า 30 หลังคาเรือน

                        ทางด้าน น.ส.กุลวลี นพอมรบดี ส.ส.ราชบุรี เขต 1 พรรคพลังประชารัฐ พร้อมนายเอกชัย กลิ่นสุคนธ์ นายก อบต.ดอนตะโก พร้อมหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง เข้าตรวจสอบความเสียหายในพื้นที่  เพื่อให้การช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากลมพายุดังกล่าว โดยเฉพาะบ้านของ นางประดับ แหยมโม้ อายุ 62 ปี ซึ่งอาศัยอยู่กับหลาย 2 คน บ้านถูกลมพายุฝนกระโชกแรงทำให้หลังคาบ้านถูกลมพายุพัดปลิดกระจัดกระจายหายไปทั้งหลัง รวมทั้งคานไม้พัดไปตกใส่หลังคาบ้านประชาชนหลังใกล้เคียงได้รับความเสียจำนวนหลายหลัง โดยสาเหตุดังกล่าวทำให้ประชาชนบาดเจ็บ 1 ราย เนื่องจากถูกคานไม้ตกใส่ศีรษะจนแตกต้องเย็บหลายเข็ม ขณะบ้านของ น.ส.ธัญชนก อ่อนหวาน อายุ 22 ปี ศึกษาอยู่สาขาสาธารณสุขศาสตร์ ชั้นปี 4 มหาวิทยาลัยราชภัฏหมู่บ้านจอมบึง ถูกคานไม้และหลังคาบ้านของ นางประดับ หล่มใส่หลังคาบ้านบริเวณของนอน และบริเวณห้องนั่งเล่น ทำให้เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านเสียหายหลายรายการ ร่วมทั้งอุปกรณ์การเรียน เช่น ไอแพด แม๊คบุ๊ค เสียหายไปด้วย

 นางประดับ แหยมโม้ กล่าวว่า เมื่อวันที่ 23 เม.ย. เวลาประมาณ 16.00 น. ได้เกิดพายุฝนจนมีลมกระดชกแรง โดยช่วงเกิดเหตุตนได้พักอาศัยอยู่กับหลานเพียงสองคน ภายในบริเวณชั้นล่าง จนมีเพื่อบ้านได้มาบอกว่า คานไม้และหลังคาบ้าน ได้ถูกแรงลมพัดไปตกให้หลังคาบ้านของคนอื่น ซึ่งหนึ่งในนั้นถูกไม้หล่มใส่หัวจนหัวแตก ส่วนบ้านหลังใกล้เคียงถูกคานไม้และหลังคาบ้านหล่มจนทำให้ข้าวของภายในบ้านเสียหายหลายอย่าง ทำให้เพื่อบ้านเรียกร้องค่าเสียหาย แต่ตนนั้นได้รับผลจากสถานการณ์โควิด-19 ทำให้ไม่มีเงินจ่ายค่าเสียหาย และซ่อมแซมบ้านของตนเอง ซึ่งขณะนี้อยู่อาศัยไม่ได้เพราะไม่มีหลังคาบ้าน ทำให้น้ำฝนตกลงมาโดนเครื่องใช้ภายในบ้านเสียหายไปด้วย ตนจึงได้ร้องขอความช่วยเหลือจากทาง อบต.ดอนตะโก

 นายเอกชัย กลิ่นสุคนธ์ นายกอบต.ดอนตะโก กล่าวว่า มีพายุลมแรงเข้ามาในเขตตำบลดอนตะโก เป็นวาตภัยทำให้ชาวบ้านเขตต.ดอนตะโกได้รับความเสียหายไป 30 กว่าหลังเรือน แต่ที่น่าเป็นห่วงที่สุดเพราะโดนพายุพัดหลังคาเปิดเสียหายหมด เป็นของ นางประดับ แหยมโม้ ซึ่งท่านได้รับความเดือดร้อนอย่างสูง หลังคาส่วนหนึ่งปลิวไปตกบ้านข้างเคียง ทำให้อุปกรณ์ในการเรียนการสอนของคนที่อยู่บ้านข้างเคียงได้รับความเสียหาย และนางประดับ ไม่มีกำลังเพียงพอที่จะมาดูแลตรงนี้ เบื้องต้นทางอบต.ดอนตะโก ได้จัดเตรียมวัสดุอุปกรณ์สังกะสีมาซ่อมแซมในเบื้องต้นไว้ให้ก่อน ส่วนเรื่องของกำลังทรัพย์ยังถือว่าไม่เพียงพอ อยากจะเรียนเชิญผู้มีจิตเมตตามาร่วมบริจาคช่วย นางประดับ ในเบื้องต้นทางอบต.จะช่วยให้เต็มที่เท่าที่อบต.ทำได้ โดยประชาชนท่านใดอยากให้การช่วยเหลือนางประดับ สามารถโอนเงินให้การช่ยเหลือได้ที่ ธนาคารกรุงเทพ สาขาเทสโก้ โลตัส ราชบุรี เลขบัญชี 649-0-34842-9 ชื่อบัญชี นางประดับ แหยมโม้ หรือโทรสอบถามได้ที่เบอร์ 089-919-3983 ซึ่งเป็นเบอร์ของตน

 น.ส.กุลวลี นพอมรบดี ส.ส.ราชบุรี กล่าวว่า เนื่องจากว่าเมื่อวันที่ 23 ที่ผ่านมา ที่มีเหตุฝนตกลงมาก มีลมกระโชกแรง ในช่วงบ่ายที่จ.ราชบุรีในหลายๆพื้นที่ ของเขตอ.เมืองราชบุรี ประสบภาวะที่เรียกว่า น้ำท่วม น้ำขัง น้ำระบายไม่ทันหลายจุด แล้วประกอบกับลมกระโชกแรงทำให้บ้านเรือนของที่พี่น้องได้รับความเสียหายอย่างเช่น ของป้าประดับ ในพื้นที่หมู่ 3 ต.ดอนตะโก หลังคาหายไปหมดเลยทั้งหลัง ซึ่งเป็นอีกหนึ่งตัวอย่าง อีกหนึ่งเคสในเขตอ.เมืองราชบุรี ได้ลงพื้นที่ร่วมกับ นายกอบต.ดอนตะโก ผู้ใหญ่ หมู่ 3 ส่วนงานราชการที่เกี่ยวข้อง ร่วมด้วยช่วยกันลงพื้นที่เพื่อหาแนวทางในการแก้ไขปัญหา ซึ่งในส่วนของอบต.ได้ช่วยในเรื่องของวัสดุอุปกรณ์ เช่น กระเบื้อง ไม้ ในการดำเนินการมาซ่อมแซมบ้านให้กับนางประดับ ส่วนเรื่องของแรงงานจะประสานงานไปทางอำเภอ เพื่อรีบเข้าซ่อมแซมบ้านของประชาชนอีกหลายๆหลัง ในส่วนของตนจะประสานงานกับทางทหารช่าง เพื่อขอแรงงานทหารให้เข้ามาช่วยเหลือตรงนี้อีกด้วย

 น.ส.ธัญชนก อ่อนหวาน กล่าวว่า มีฝนลมพายุเข้าพัดท่อนไม้ต้นไม้ล้มทับหลังคา ทำให้เครื่องใช้ไฟฟ้าพังเสียหาย โทรทัศน์ 2 เครื่อง ไอแพด แม๊คบุ๊คซึ่งมีข้อมูลงานวิจัยและการเรียนอยู่ในนั้น ทำให้ได้รับความเดือดร้อนมาก อยากขอความช่วยเหลือตรงนี้ โดยปกติช่วงเวลาที่เกิดเหตุตนจะนอนเล่นอยู่ในบ้าน แต่วันนั้นตนได้ออกไปบ้านแม่อีก 1 หลังเพียงแค่ 10 นาทีเท่านั้น ตนคิดว่าถ้าตนอยู่ในนั้นตนต้องตายแน่ๆ

 วันแรกของการรับสมัครเลือกตั้งนายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลดอนทรายใหม่ยังเงียบไม่มีคนมายื่นใบสมัครลงเลือกตั้ง ส่วน สจ.ปุ้ม ลูกสาวครูนงค์ จะเดินทางมาสมัครในวันพรุ่งนี้ ชาวบ้านเตรียมใหักำลังใจ

 วันที่ 19 เมษายน  2564ที่เทศบาลตำบลดอนทราย  อ.โพธาราม  จ.ราชบุรี นายคมกริบดี  เฟื่องฟู ผู้อำนวยการเลือกตั้งประจำเทศบาลตำบลดอนทราย  ได้จัดเตรียมสถานที่เพื่อให้ผู้ที่มีความประสงค์จะยื่นใบสมัครรับเลือกตั้งนายกเทศมนตรี พร้อมทั้งกกต.ท้องถิ่นและเจ้าหน้าที่มาดำเนินการรอรับใบสมัครเลือกตั้งดังกล่าว  ในวันแรกของการสมัครรับเลือกตั้งนายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลดอนทรายใหม่ยังไม่มีคนมายื่นใบสมัครรับเลือกตั้งแต่อย่างใดมีเพียงนายณรงค์  ทีเกาะ  รอง ผอ.กกต.จ.ราชบุรี เข้ามาเยี่ยมให้กำลังใจกับผู้ที่ปฎิบัติหน้าที่พร้อมทั้ง ร.ต.อ.ชูเกียรติ ญาติดุสดี รอง สารวัตร  กก.สส.ภ.จว.ราชบุรี  นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจมารักษาความสงบเรียบร้อยและรักษาความปลอดภัยในพื้นที่ตำบลดอนทรายโดยในวันพรุ่งนี้  นางสาวศิริพร เนียมรักษา สจ.ปุ้ม ลูกสาวครูนงค์จะเดินทางไปยื่นใบสมัครรับเลือกตั้งนายกเทศมนตรีที่สำนักงานเทศบาลตำบลดอนทรายโดยจะมีชาวบ้านที่รักและชื่นชอบครูนงค์จะเดินทางไปให้กำลังใจด้วย 

 นายคมกริบดี  เฟื่องฟู   กล่าวว่า  วันนี้เป็นวันแรกเลือกตั้งนายกเทศมนตรีใหม่แทนการเลือกตั้งที่แพ้คะแนนโหวดโนไปยังไม่มีผู้ที่เข้ามาสมัครก่อนจะจบวันรับสมัครในวันศุกร์ที่  23 นี้ก็น่าจะมีผู้สนใจสมัครรับเลือกตั้นายกเทศมนตรีคาดว่าไม่ต่ำกว่า  2  รายทางความพร้อมทางผู้อำนวยการเลือกตั้งฯ เจ้าหน้าที่รับสมัครและ กกต.ท้องถิ่นซึ่งมาคอยรับสมัครเลื่อกตั้งครั้งนี้ตั้งแต่  7  โมงเช้า ทุกอย่างพร้อมเพียงแต่คอยผู้ที่จะมาสมัครเท่านั้นเพื่อเป็นการส่งเสริมประชาธิปไตยการปกครองส่วนท้องถิ่น  ส่วนผู้มีสิทธิ์ก็มีอยู่ประมาณ  4800  รายแต่การเลือกตั้งเปลี่ยนไปผู้มีสิทธิการเลือกตั้งก็จะมีการเปลี่ยนแปลงเวลาอีก  2 เดือน ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งนายกเทศมนตรีก็จะเพิ่มขึ้นโดยจะประกาศให้ทราบในวันที่  30   เมษายน  นี้ในเรื่องรักษาความปลอดภัยนั้นได้มีการประสานทั้งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร  และ  สภ.โพธาราม อำนวยความสะดวกเพื่อให้การเลือกตั้งเป็นไปด้วยความราบลื่น อย่างเช่นการเลือกตั้งในครั้งที่ผ่านมาได้รับการร่วมมือประสานงานจากทุกฝ่ายเป็นอย่างดีโดยระเบียบของการเลือกตั้งใหม่ในการแพ้คะแนนโหวดโนจะต้องใช้หน่วยเลือกตั้งเดิมกรรมการเลือกตั้งชุดเดิมสถานที่เดิมยกเว้นแต่บัญชีเลือกตั้งเป็นไปตามระยะเวลา

บันทึกข้อตกลงว่าด้วยความร่วมมือในการพัฒนาเป็นการแก้ปัญหาของโรงเรียนขนาดเล็กเพื่อส่งเสริมทักษะให้นักเรียนให้มีสมรรถนะสูงขึ้น

                   ที่ห้องประชุมโรงเรียนราชโบริกานุเคราะห์  อ.เมือง จ.ราชบุรี นายธนะวันธิ์      แพทย์ชีพ    รองผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัศยมศึกษาราชบุรี  เป็นประธานในพิธี บันทึกข้อตกลงว่าด้วยความร่วมมือในการพัฒนาศักยภาพของนักเรียนร่วมกัน(mou)ระหว่าง ดร.สุรินทร์  สำลี  ผอ.โรงเรียนราชโบริกานุเคราะห์ จ.ราชบุรี และ นายนิวัตร  วงศวิลัย  ผอ.โรงเรียนเบญจมราชูทิศ ราชบุรี กับ นายวรพล  ชาวสูนย์  ผอ.โรงเรียนแคทรายวิทยาวิทยา ประจำปีการศึกษา  2564 พร้อมทั้งคณะกรรมการสถานศึกษาทั้ง  3  โรงเรียนร่วมลงนามและคณะครูเข้าร่วมเป็นสักขีพยาน เพื่อเป็นการพัฒนาศักยภาพทางด้านการศึกษาของนักเรียนระหว่างโรงเรียนให้ประสพความสำเร็จโดยร่วมมือการจัดการเรียนการสอนด้านบุคลากรด้านกิจกรรมการพัฒนาผู้เรียนและแหล่งเรียนรู้เพื่อส่งเสริมทักษะให้นักเรียนให้มีสมรรถนะสูงขึ้น ตามความถนัดและความต้องการของนักเรียนพร้อมทั้งจะรับนักเรียนสอบเข้าศึกษาต่อชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1  ที่เกินแผนการรับนักเรียนโดยจะส่งต่อให้กับทางโรงเรียนแคทรายวิทยาสำหรับนักเรียนที่จบมัธยมศึกษาตอนต้นและมีเกรดเฉลี่ย 3.00 ขึ้นไปจะมีสิทธิ์ได้รับโควต้าพิเศษเข้าศึกษาต่อมัธยมศึกษาปีที่  4  ที่โรงเรียนเบญจมราชูทิศราชบุรีและโรงเรียนราชโบริการนุเคราะห์ จ.ราชบุรีโดยนักเรียนจะต้องมาสมัครและสอบเพื่อจัดนักเรียนเข้าตามแผนการเรียนการสอน โดยจะมีรถบัสรับส่งนักเรียนพร้อมทั้งครูผู้สอนจากโรงเรียนทั้งสองแห่งไปยังแคทรายวิทยาในทุกๆวัน

       สำหรับโรงเรียนแคทรายวิทยาตั้งอยู้ 54หมู่ที่  13  บ้านดอนตูม ต..คูบัว   อ.เมือง จ.ราชบุรี  เป็นโรงเรียนมัธยมศีกษาประเภทสหศึกษาประจำตำบลคูบัว เริ่มทำการสอนเมื่อ  พศ.2519 และได้ซื้อที่ดินจำนวน  30  ไร่  68 ตารางวา  เพื่อใช้ก่อสร้างเป็นอาคารเรียนได้รับการส่งเสริมสนับสนุนให้จัดตั้งโรงเรียนแคทรายวิทยาเป็นโรงเรียนมัธยมศึกษาสังกัดกรมสามัญศึกษาประจำตำบลคูบัวจาก  ดร.นิพนธ์   ศศธร   สมัยดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการและเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดราชบุรี หลังจากนั้นมีนักเรียนในชุมชนให้ความสนใจเข้ามาเรียน กว่า  800  คนปัจจุบัน เนื่องจากสภาพการคมนาคมสะดวกทำให้ผู้ปกครองสนใจส่งบุตรหลานเข้ามาในเมืองที่เป็นสถานศึกษาขนาดใหญ่ได้รับความสนใจจำนวนมาก   จนทำให้โรงเรียนแคทรายวิทยาในปัจจุบันมีนักเรียนเข้าศึกษาอยู่  68  คน ทำการสอน   ม. 1 ถึง  ม.  3     

ทางด้าน   นายธนะวันธิ์   แพทย์ชีพ  รองผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัศยมศึกษาราชบุรี  กล่าวว่า  เรื่องของโรงเรียนร่วมพัฒนาเป็นการแก้ปัญหาของโรงเรียนขนาดเล็กซึ่งเป็นปัญหาในระดับชาติและต้องเข้าไปแก้อยู่ตลอดเวลาโรงเรียนขนาดเล็ก ในระดับชาติมีอยู่หลายโรงภาครัฐต้องทุ่มงบประมาณเข้าในโรงเรียนระดับเล็กซึ่งมีนักเรียนไม่ถึง  100  คนเรื่องจะยุบก็เป็นโอกาศทางการศึกษาก็ยังยุบไม่ได้จึงต้องหาวิธีเข้ามาแก้ใขควรจะทำอย่างไรให้โรงเรียนขนาดเล็กนั้นยืนยงและมีคุณภาพที่ดีได้จึงต้องให้ทางโรงเรียนขนาดใหญ่เข้ามาสนับสนุนจึงเป็นที่มาของโรงเรียนร่วมพัฒนาโรงเรียนราชโบริกานุเคราะห์และโรงเรียนเบญจมราชูทิศ  มาช่วยกันขับเคลื่อนเรื่องของคุณภาพทางการศึกษาไม่ว่าจะเป็นการบริหารงานทางด้านวิชาการงานงบประมาณงานบุคลากรและงานบริหารทั่วไปเพื่อให้ทางโรงเรียนจัดการศึกษามีประสิทธิ์ภาพและมีประสิทธิผลจะส่งผลให้นักเรียนทางโรงเรียนแคทรายวิทยา  สามารถเชื่อมต่อการเรียนกับโรงเรียนราชโบริกานุเคราะห์และโรงเรียนเบญจมราชูทิศในโอกาศต่อไปหากทางนักศึกษาสามารถทำผลงานได้ตามเกณฑ์ที่กำหนด จึงเป็นประโยชน์อย่างยิ่งที่โรงเรียนแคทรายวิทยาจะพัฒนาจัดการศึกษาที่มีคุณภาพต่อไป โดยทางผู้บริหารโรงเรียนทั้งสองแห่งพูดถึงว่าใช้หลักสูตรที่มีคุณภาพบริหารจัดการในเรื่องครูเพร้อมทั้งงบประมาณเพื่อมารองรับการเรียนการสอบให้มีประสิทธิภาพในระบบของโรงเรียนขนาดใหญ่ใช้ทักษะที่เป็นประโยชน์เข้ามาขับเคลื่อนในโรงเรียนแคทรายวิทยาให้มีคุณภาพเป็นที่ยอมรับ

สยามคูโบต้า ร่วมกับหน่วยงานภาครัฐในพื้นที่จ.ราชบุรี ลงนามบันทึกข้อตกลง ความร่วมมือภายใต้โครงการเกษตรปลอดการเผา (Zero Burn) ในจ.ราชบุรี ถือเป็นโมเดล “เมืองต้นแบบปลอดการเผา” แห่งแรกในภาคกลาง มุ่งแก้ไขปัญหามลพิษจากฝุ่นละอองในภาคการเกษตร 

ที่ห้องเวลาดี 4 โรงแรม ณ เวลา อ.เมืองราชบุรี นายวิสาห์ พูลศิริรัตน์ รองผวจ.ราชบุรี เป็นประธานพิธีลงนามบันทึกข้อตกลง ความร่วมมือภายใต้โครงการเกษตรปลอดการเผา (Zero Burn) ในจ.ราชบุรี ระหว่างบริษัท สยามคูโบต้าฯ กับจ.ราชบุรี  โดยมีนางวราภรณ์ โอสถาพันธุ์ กรรมการรองผู้จัดการใหญ่อาวุโส บริษัท สยามคูโบต้าคอร์ปอเรชั่น จำกัด พร้อม ผู้บริหารบริษัท สยามคูโบต้าฯ และหัวหน้าส่วนราชการร่วมเป็นสักขีพยาน 

นางวราภรณ์ โอสถาพันธุ์ กรรมการรองผู้จัดการใหญ่อาวุโส บริษัท สยามคูโบต้าคอร์ปอเรชั่น จำกัด เปิดเผยว่า ประเทศไทยต้องเผชิญกับสถานการณ์ “ฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5” โดยกว่า 50% เกิดจากการเผาในที่โล่ง ซึ่งรวมถึงการเผาในพื้นที่ทางการเกษตร ส่งผลกระทบต่อสุขภาพและการดาเนินชีวิตประจำวันของประชาชน สยามคูโบต้าในฐานะผู้นำด้านเครื่องจักรกลการเกษตรในภูมิภาคอาเซียน ได้เล็งเห็นความสำคัญในการแก้ปัญหาดังกล่าว จึงดำเนินโครงการเกษตรปลอดการเผา (Zero Burn) เพื่อพัฒนาภาคเกษตรกรรมได้อย่างยั่งยืน ซึ่งโครงการเกษตรปลอดการเผา (Zero Burn) มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมให้เกษตรกรทำเกษตรปลอดการเผา ตลอดจนสร้างมูลค่าเพิ่มจากวัสดุเหลือใช้หลังการเก็บเกี่ยว เช่น ฟางข้าว ตอซังข้าว และใบอ้อย โดยนำนวัตกรรมเครื่องจักรกลการเกษตร (Machinery Solutions) และองค์ความรู้ด้านการเกษตร (Knowledge Solutions) ภายใต้องค์ความรู้ KUBOTA (Agri) Solutions เกษตรครบวงจรมาประยุกต์ใช้เพื่อจัดการวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด โดยสยามคูโบต้าร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชน ดำเนินโครงการฯ ให้เกิดผลสำเร็จ สอดคล้องกับเป้าหมายภาครัฐในการลดการเผาในพื้นที่การเกษตรให้เป็นศูนย์ ภายในปี 2565 ซึ่งในปี พ.ศ.2563 สยามคูโบต้ามุ่งเผยแพร่องค์ความรู้ด้านเกษตรปลอดการเผาผ่านกิจกรรมรณรงค์และสัมมนาโครงการฯ พร้อมทั้งลงพื้นที่ดำเนินการส่งเสริมให้เกิดการจัดตั้งจังหวัดต้นแบบเกษตรปลอดการเผา โดยได้ผสานความร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชนในจังหวัดเป้าหมาย ด้วยการลงนามบันทึกข้อตกลงร่วมกับจ.มหาสารคาม , อุบลราชธานี , ศรีสะเกษ และร้อยเอ็ด ผลักดันแนวคิดเกษตรปลอดการเผาให้ประสบความสำเร็จ เพื่อเพิ่มรายได้ให้กับเกษตรกรในพื้นที่เป้าหมาย สำหรับในปีนี้ สยามคูโบต้าได้สานต่อโครงการฯ อย่างต่อเนื่อง โดยการร่วมลงนามบันทึกความร่วมมือโครงการเกษตรปลอดการเผา (Zero Burn) ในจ.ราชบุรี ผนึกกาลังกับหน่วยงานภาครัฐในพื้นที่ รวมไปถึงผู้แทนจำหน่ายคูโบต้าในจ.ราชบุรี เพื่อผลักดันให้ราชบุรีเป็นอีกหนึ่งจังหวัดที่มีความพร้อมที่จะเป็นจังหวัดต้นแบบในการขับเคลื่อนโครงการเกษตรปลอดการเผา (Zero Burn) ภายใต้แนวคิด “ราชบุรี เมืองต้นแบบปลอดการเผา” ถือเป็นโมเดลเมืองปลอดการเผา จังหวัดแรกในพื้นที่ภาคกลาง 

  “เพื่อให้เห็นผลเป็นรูปธรรมอยางยั่งยืน การลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือในจ.ราชบุรีครั้งนี้ได้วางเป้าหมายในการเผยแพร่องค์ความรู้ด้านนกระบวนการเพาะปลูกโดยวิธีปลอดการเผา รวมถึงส่งเสริมระบบบริหารจัดการวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร เพิ่มรายได้ให้กับเกษตรกรด้วยการสนับสนุนเครื่องจักรกลการเกษตร รวมทั้งหาโอกาสทางธุรกิจสาหรับตลาดรับซื้อและการขนส่งไปยังผู้รับซื้อ และยังตั้งเป้าหมายสร้างแปลงตัวอย่าง ร่วมกับเกษตรกรต้นแบบ ในการส่งเสริมวิธีการทำเกษตรปลอดการเผา เพื่อช่วยลดปัญหามลพิษจากฝุ่นละอองในภาคการเกษตร ในจ.ราชบุรีอีกด้วย” นางวราภรณ์ กล่าว 

ด้านนายวิสาห์ พูลศิริรัตน์ รองผวจ.ราชบุรี เปิดเผยว่า จ.ราชบุรี ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญในลดค่าฝุ่นละออง PM 2.5 โดยได้จัดกิจกรรมส่งเสริมการหยุดเผาในพื้นที่เพื่อสร้างความรู้และความเข้าใจให้เกษตรกรและประชาชนชาวราชบุรีตระหนักถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง หน่วยงานภาครัฐ ในพื้นที่จ.ราชบุรี จึงพร้อมร่วมมือกับสยามคูโบต้าฯ ผลักดันโครงการเกษตรปลอดการเผา (Zero Burn) เพื่อตอบรับนโยบายงดการเผาในพื้นที่การเกษตรของภาครัฐ มุ่งแก้ไขปัญหาการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและปัญหาฝุ่นควัน PM 2.5 ตั้งเป้าหมายในการลดการเผาในพื้นที่การเกษตรของจ.ราชบุรี ให้เป็นศูนย์ ภายในปีพ.ศ. 2565

  ฟุตบอลอาชีพ ควา

มจริงที่ต่างจากความฝัน .....  มด   คันไฟ

เส้นทางการเป็นจะเป็นยอดนักฟุตบอล ปัจจุบันมันเป็นพื้นที่ของคนที่ต้องเรียกว่าสุดยอดเท่านั้น ประเทศไทย  มีจำนวนประชากรคร่าว ๆ 70 ล้านคน มีคนทำงานเป็นหมอประมาณ 35,000 คน มีวิศวกร 171,340 คน มีตำรวจ 230,000 คน ซึ่งอาชีพกลุ่มนี้เมื่อได้เป็นแล้ว เป็นตลอดจนกว่าจะเกษียณอายุราชการหรือเลิกเป็นด้วยตัวเอง แต่นักฟุตบอลที่จะเป็นระดับทีมชาติมีได้แค่ 30-50 คน เป็นนักฟุตบอลระดับไทยลีก 480 คน เป็นนักฟุตบอลอาชีพระดับรองลงมา  อีกประมาน 2,800 คน

ข้อมูลคร่าว ๆ มีนักฟุตบอลที่เป็นระดับโรงเรียนทั่วประเทศกว่า 100,000 คน มีนักฟุตบอลลงแข่งขันในรายการกรมพลศึกษากว่า 4,000 คน ที่สำคัญการได้เล่นในนามตัวแทนสโมสรในรายการไทยแลนด์ยูธลีก  อีกกว่า 7,300 คน รวม ๆ แล้ว ในระดับเยาวชน มีจำนวนกว่า 120,000 คน ถึง 150,000 คนต่อไปมีนักฟุตบอลระดับมหาวิทยาลัย         ที่ไม่เคยเล่นระดับอาชีพอีกกว่า 2,000-3,000 คน ที่รอคอยจะก้าวขึ้นสู่ระดับอาชีพ หากเรียนจบหมอปีละหลักพันคน      แต่จบแล้วได้ทำงานทันที สอบตำรวจได้ ได้ทำงานทันที แต่นักฟุตบอลเล่น เล่นกันปีละหลักแสนคนกัน แต่มีนักฟุตบอลหน้าใหม่ ที่ต้องขึ้นทะเบียนอาชีพในระบบฟุตบอลอาชีพ ปีละไม่ถึง 100 คน นอกนั้นอีก 2,000 กว่าคน ก็เป็นคนเก่า    ที่ย้ายทีมไปมา

ทุกคนคิดถึงเงินเดือนหลักแสน ตามสื่อโซเชียล แต่หลายคนไม่เคยรับรู้เงินเดือนระดับหลักพัน หลายคนไม่เคยรู้การที่ได้เงินเดือนบ้าง ไม่ได้บ้าง ค้าง 3 เดือน ค้าง 5 เดือน ต้องเอารถไปจำนำ เอาทองไปขาย ไปกู้ยืมเงินช่วงที่ไม่ได้รับเงินเดือน ไม่เคยรู้ว่ามีนักฟุตบอลบางกลุ่ม ที่ยังต้องฟ้องศาลเพื่อให้ได้เงินเดือนที่ค้างอยู่ แม้จะใช้เวลาหลายปี              มีนักฟุตบอลจำนวนไม่มากเหมือนที่เห็นหรอก ที่จะได้เงินเดือนสูง ๆ มีชีวิตที่สบาย ๆ กว่าจะเป็นนักฟุตบอลอาชีพเงินเดือนหลักแสน และทีมชาตินั้น ต้องมีพรสวรรค์ ความสามารถ ความแข็งแกร่ง ความอดทนและระเบียบวินัย          ที่เหนือมากกว่าคนอื่นและที่สำคัญต้องมีโชคเข้าข้างด้วย

วินัยในการฝึกซ้อมและการใช้ชีวิตเป็นสิ่งที่สำคัญมาก ๆ หากอยากเป็นยอดนักบอลต้องซ้อมมากกกว่าคนอื่น เหนื่อยกว่าคนอื่น เพื่อนซ้อมเสร็จ ต้องซ้อมเพิ่มเติมเพื่อตัวเอง ดูแลร่างกายตัวเองอย่างดี  จึงจะแตกต่างจากคนอื่น     ถ้าซ้อมหรือใช้ชีวิตแบบคนธรรมดา คุณก็จะได้เป็นแค่นักฟุตบอลธรรมดา ๆ เท่านั้น เช่นเดียวกันกับชีวิตนอกสนาม    การอยู่ในหอพักนักกีฬา มีทั้งเพื่อนดีและเลว หรือการที่ได้ออกจากบ้านมาดูแลตัวเอง มีเรื่องราวมากมายให้ต้องผ่าน     มีเพื่อนขี้ขโมย มีเพื่อนชวนเที่ยว มียาเสพติด มีสิ่งไม่ดีมากมาย เราจะเอาตัวรอดจากสิ่งพวกนี้ได้ยังไง ถ้าใจแข็งมุ่งมั่น   ก็รอด ใจกระจอกก็แพ้ (ซึ่งก็แพ้กันมาเยอะ) นอกจากในสนาม-นอกสนาม โลกภายนอกก็สำคัญ โซเชียล วันนี้สำคัญมากเป็นดาบสองคม ทัศนคติต่าง ๆ ถูกส่งผ่านทางเฟซบุ๊ก นักฟุตบอลเก่ง ๆ หลายชีวิตต้องพังเพราะอ่อนไหวไปกับเสียงวิพากษ์วิจารณ์บนโลกออนไลน์บ้าง โพสต์ในสิ่งที่ไม่สมควรบ้าง มันจะเป็นทั้งกำลังใจและแรงบั่นทอนจิตใจ การจะเดินทางไปสู่จุดสุดยอดของนักฟุตบอลปัจจัยต่าง ๆ เหล่านี้เป็นสิ่งสำคัญ ถ้าทำสำเร็จก็ถือว่าเป็นโชคดีของตัวเองและครอบครัว

นักกีฬาอาชีพ คืออาชีพเสี่ยง พร้อมที่จะจบเส้นทางและโดนปลดระวางได้ทุกวินาที ไม่ใช่อาชีพที่มีบำนาญ ไม่มีความแน่นอนรองรับ ฟุตบอลไม่ได้มีแค่การฝึก การซ้อม แต่อาศัยปัจจัยหลายอย่าง เส้นทางที่ไป คนที่คอยแนะนำ     แล้วถ้าไม่สำเร็จกับการเป็นนักฟุตบอลอาชีพแล้วจะเป็นยังไง จะทำอะไรต่อ หลาย ๆ คน หลาย ๆ ครอบครัวมองข้าม  จุดนี้ไป เพราะมองไปที่ปลายทางอย่างเดียว ว่าต้องสำเร็จในการเป็นนักฟุตบอลอาชีพ เป็นทีมชาติ แต่ไม่ได้มองว่าระหว่างการเดินทาง ได้วางแผนไว้บ้างรึเปล่า ว่าต้องทำอย่างไร ถ้าไปไม่ถึงฝัน ฟุตบอลอาชีพสวยงามเสมอ แต่ไม่ใช่     สิ่งที่ง่าย จนใคร ๆ จะไปถึงได้ทุกคน แล้วถ้าไปไม่ถึงละครับ ครอบครัวจะทำอย่างไร เด็ก ๆ จะทำอย่างไร มีการวางแผน    รึเปล่า?

สุดท้ายแล้ว ไม่ว่าจะมุ่งมั่นหรือถ้ายังไม่แน่ใจว่าจะเป็นนักเตะอาชีพได้หรือไม่ ก็อย่าเพิ่งทิ้งการเรียน ให้เรียนควบคู่กันไป เพราะการศึกษาสำคัญสำหรับตัวเราเสมอ เพราะไปไม่ถึงฝันก็ยังมีความรู้ที่จะไปทำอย่างอื่นให้ชีวิตดำเนินต่อไปได้นะครับ

 ปล. โม้ไปเรื่อย